สายเบรค รถยนต์คืออะไรทำหน้าที่อะไร ?
สายเบรค หรือ “ท่ออ่อนเบรค” คือส่วนท่อยางที่สามารถให้ตัวได้มีการเดินเชื่อมต่อออกจากบริเวณตัวถังเพื่อส่งแรงดันน้ำมันเบรคไปยังดุมล้อที่ติดตั้งคาลิเปอร์เบรค ซึ่งต้องขยับตัวได้ตามการเลี้ยวของล้อ สายเบรก จึงสำคัญมาก โดยวัสดุ ที่นำมาทำส่วน ท่ออ่อนเบรค ผู้ผลิตรถยนต์มักใช้ท่อยางแล้วถักด้วยเส้นด้ายทับอีกชั้น แต่เมื่อใช้งานไปเป็นเวลานาน ซึ่งล้อรถต้องเลี้ยวบ่อยครั้งและไม่ได้รับการเปลี่ยนตามระยะการใช้งานที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ท่ออ่อนเบรคอาจเกิดการบวม พอง แตก หรือเสียหายบริเวณข้อต่อ ส่งผลให้น้ำมันเบรกรั่วออกมาได้ รวมถึงอาการตันในท่ออ่อนเบรค
การออกแบบที่หลากหลายเพื่อสมรรถนะที่แม่นยำ
เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อย่างกว้างขวางในส่วนของสายคลัตช์ เราจึงมีเทคนิคหลากหลายที่สามารถใช้ได้กับรถยนต์ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึง:
- เส้นลวดถักสำหรับรวมเข้าด้วยกันเพื่อผลิตเป็นลวดสลิง
- ลวดสลิงถักสำหรับรวมเข้าด้วยกันเพื่อผลิตเป็นสายสลิง – ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงขึ้น
- เส้นลวดถักสำหรับรวมเข้าด้วยกันเพื่อผลิตเป็นสายสลิง – ทำให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
OE จะกำหนดว่าต้องใช้เทคนิคแบบไหนโดยขึ้นอยู่กับความต้องการ และถ้ามีการหล่อลื่นระหว่างลวดสลิงกับเส้นลวดทั้งหมดจะทำให้มีความเสียดทานต่ำ
รู้จักแตรรถยนต์ อุปกรณ์สำคัญในการขับขี่รถยนต์
สำหรับรถยนต์นั้น ความนิยมในเรื่องการเปลี่ยนสายเบรกธรรมไปเป็น สายเบรกถัก อาจนิยมน้อยกว่ารถจักรยานยนต์พอสมควร เนื่องจากเรื่องการออกแบบดีไซน์รถยนต์นั้น มีการซ่อนสายเบรกเอาไว้ ถ้าอยากเห็นสายเบรกของรถยนต์แล้วละก็ จำเป็นต้องก้มดูตอนรถจอดสนิทเพียงเท่านั้นเอง สิ่งนี้เองทำให้สายถักเบรค รถยนต์ไม่ได้รับความนิยมนั้นเอง ถือว่าการเป็นการโมดิฟายอัพเกรดระบบเบรค ก็ว่าได้ สำหรับการเปลี่ยนสายถักเบรค โดยตามปกติระบบเบรคจะนิยมอัพเกรดในส่วนของ ผ้าเบรค เป็นอันดับแรก ต่อมาจะเป็นการอัพเกรดในเรื่องชุดคาลิเปอร์ ซึ่งการเปลี่ยนในส่วนของ ผ้าเบรค และชุดคาลิเปอร์เบรคนั้น คุณสามารถจับสังเกตอาการความแตกต่างที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนชุดสายถักเบรคอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีผลใด ๆ ในการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ก็ว่าได้
วิธีการทดสอบเบรกมือ
สิ่งแรกที่ต้องเริ่มสังเกตเมื่อทำการทดสอบเบรกมือคือตรวจเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีแรงลากที่เห็นได้ชัดในระหว่างการทดสอบบนแท่นทดสอบไดนาโมมิเตอร์ ถ้ามี อาจเป็นผลมาจากสายสลิงมีปัญหา สำหรับการทดสอบชิ้นส่วนอย่างถูกต้องเหมาะสม (เช่นโดยใช้ระบบดรัมเบรก) คุณต้องทำขั้นตอนต่อไปนี้:
- ถอดดรัมเบรก
- ดึงคันเบรกมือ แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลไกทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่
- ปลดคันเบรกมือ – ฝักเบรกควรกลับไปที่ตำแหน่งปกติ
- ถ้ายังคงไม่แน่ใจ คุณสามารถถอดสายสลิงออก แล้วตรวจเช็คเฉพาะสายสลิง
ต้องแน่ใจว่าทำการทดสอบดังกล่าวเรียบร้อยแล้วทุกครั้งก่อนติดตั้งชิ้นส่วนใหม่เข้ากับรถ
อาการต่างๆ ที่เกิดจากท่ออ่อนเบรคตัน หรือบวม มีอะไรบ้าง?
- 1. เบรคติดใขณะที่เหยียบเบรค น้ำมันถูกส่งออกมาจากแม่ปั้มเบรค ไปยังลูกสูบเบรคดันให้ฝักเบรคอ้าออก แต่ในเวลาที่ปล่อยเบรค น้ำมันเบรคไม่สามารถไหลกลับได้เพราะท่ออ่อนตีบตัน หรือไหลกลับแต่ช้ามาก ทำให้การคืนตัวของฝักเบรคช้า ทำให้เบรคติด
- 2. เบรคไม่อยู่ อาจจะเป็นที่ล้อใดล้อหนึ่ง เพราะน้ำมันเบรคไม่สามารถไหลผ่านท่ออ่อนไปยังลูกสูบเบรคได้
- อายุของท่ออ่อนเบรค ส่วนใหญ่ใช้งานได้ประมาณ 4-5 ปี หรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือถ้าหากจับตัวดูแล้วรู้สึกยางเริ่มแข็ง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว ซึ่งสายอ่อนเบรคที่ดีนั้น ต้องทนต่อแรงดันน้ำมันเบรค ความชื้น ความร้อน สารเคมี และน้ำมันเชื้อเพลิง และข้อต่อปลายต้องกันสนิมได้
- 3. เบรคแตก (อาการยอดฮิต ของรถบรรทุกเก่าๆ ในอดีต เป็นกันบ่อย) คือถ้าคุณใช้รถไปนานๆ ไม่เคยก้มลงไปตรวจสภาพสายอ่อนเบรคของทั้ง 4 ล้อดูเลย เมื่อเกิดอาการเสื่อมสภาพ จะทนแรงดันไม่ไหว ขณะเหยียบเบรคอย่างกะทันหัน แรงดันน้ำมันเบรกจะมาสูงมาก ทำให้ท่ออ่อนเบรคทนต่อแรงดันไม่ไหว ก็อาจจะแตกหรือขาดออก ทำให้น้ำมันเบรครั่ว และรถเบรคไม่อยู่
ตรวจเช็คระบบเบรครถยนต์ ดูแลอย่างไรให้มั่นใจทุกครั้งที่ขับ
ระบบเบรครถยนต์ 1 ระบบห้ามล้อของรถยนต์หรือภาษาชาวบ้านที่เรียกว่า “เบรครถ” อีกส่วนสำคัญในการใช้รถ และคงไม่มีคนไหนที่อยากใช้รถคันที่ ระบบเบรครถยนต์ มีปัญหา ดังนั้นการตรวจเช็ค ระบบเบรครถยนต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับรถคุณ อย่าคิดว่ารถจะมีแต่เครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบไฟ ส่วนต่าง ๆ ที่ช่วยให้รถวิ่งได้เท่านั้นที่คุณจะต้องดูแล เมื่อรถผ่านการใช้งานไปตามอายุ ตามเลขไมล์ การดูแลรักษาในส่วนที่ช่วยในเรื่องความปลอดภัยมากที่สุดอย่าง ระบบเบรครถยนต์ ก็มองข้ามไม่ได้และควรเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่งกับรถของคุณเหมือนกัน
ตรวจเช็ค ระบบเบรครถยนต์ หมั่นสังเกตรอยรั่วตามส่วนต่าง ๆ
พวกยางที่ปั๊มเบรค คืออีกส่วนที่มีปัญหาบ่อย ต้องดูแลตามระยะ ลองสังเกตคราบน้ำมันหยดตรงที่รถจอดบริเวณล้อ “มองข้ามไมได้” เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่าตัวระบบมีจุดไหนรั่วซึม ซึ่งส่งผลให้น้ำมันเบรคลดลงต่ำกว่าความต้องการ และอาจทำให้ตอนที่คุณเบรคทำได้ไม่ดีพอ ดังนั้นเมื่อเจอคราบน้ำมันหยดหรือสังเกตที่สายเบรคเห็นเป็นคราบสกปรกจากน้ำมัน ให้รีบเข้าอู่/ศูนย์ซ่อมเพื่อรีบซ่อมโดยทันทีน่าจะดีที่สุด
จานเบรคคด ตัวจานเบรคอาจเสียรูปได้จากตอนที่จานเบรคร้อน ๆ แล้วโดนน้ำกะทันหันแบบเฉียบพลัน เช่น ถนนเปียกเพราะฝนตก หรือน้ำที่ฉีดไปโดนตอนล้างรถโดยที่ไม่รอให้หายร้อนก่อนก็ตาม พวกนี้เป็นสาเหตุทำให้จานเบรคคดได้ทั้งสิ้น อาการของจานเบรคคดจะทำให้พวงมาลัยสั่นในตอนที่เหยียบเบรคสำหรับเบรคหน้า ส่วนเบรคหลังถ้าคดจะหนักยิ่งกว่าเพราะเมื่อเบรครถจะสั่นทั้งคัน ถ้ารถที่คุณกำลังใช้อยู่แสดงอาการดังที่ว่ามา ก็สันนิษฐานได้เลยว่ามีปัญหาที่จานเบรค วิธีแก้ก็คือเปลี่ยนจานเบรคใหม่จะดีที่สุด
ข้อดีของสายเบรกสแตนเลสถัก
- ส่วนประกอบของสายดีกว่า เพราะสายสแตนเลสถักใช้ท่อในเป็นเทฟลอนไว้รองรับน้ำมันเบรกไหลผ่านได้โฟลวกว่าสายแบบยางที่มักชะลอการไหลของน้ำมันก่อน
- สายสแตนเลสถัก ไม่เปื่อยหรือขาดง่ายๆ และเบรกไม่เฟดจากความร้อนสะสมง่ายๆ คิดอีกมุมคือ ใช้งานได้ยาวนานกว่านั่นเอง
- สายสแตนเลสถักไม่บวม ไม่เหมือนสายแบบยางที่เจอแรงดันบ่อยจากการเบรกเข้าก็มักบวมคือ พอเบรกบ่อยๆ รถใช้งานก็ต้องเบรกบ่อยเป็นเรื่องปกติ สายแบบ
- ยางก็ต้องยืดขยายตัวตลอดเวลา ใช้งานต่อเนื่องนานๆ ไม่ดีแน่ ถ้าเป็นสายสแตนเลสก็ตัดเรื่องแบบนี้ออกไปได้เลย
- ความรู้สึกตอบกลับที่สม่ำเสมอเวลาเบรก ก็เพราะสายสแตนเลสถักไม่บวม ทั้งยังทำให้น้ำหนักก้านเบรกเวลากดนุ่มขึ้นด้วย
- ดูดีขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนชอบ เพราะสายสแตนเลสถักสามารถเลือกสีสันของสายและส่วนประกอบต่างๆ ได้ตามความชอบ แน่นอนว่าราคาของสายสแตนเลสแพงกว่า
อาการเบรคติดหรือเบรคค้าง มีจุดที่เป็นสาเหตุหลักๆอยู่ด้วยกัน 8 จุดดังนี้
- 1. ลูกสูบดิสเบรค เกิดจากคราบสนิมที่เกิดจากความชื้นที่น้ำมันเบรคดูดซับไว, จอดรถทิ้งไว้นานๆแล้วลูกสูบไม่ได้มีการเคลื่อนที่เลย ส่งผลให้ลูกสูบไม่เคลื่อนที่กลับ
- 2. ยางกันฝุ่นดิสเบรค เกิดจากการฉีกขาด ทำให้มีความชื้นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปในลูกสูบ ส่งผลให้ลูกสูบไม่เคลื่อนที่กลับ
- 3. ยางดิสเบรค เกิดจากการเสื่อมสภาพของยางดิสเบรค จนเกิดอาการบวม ส่งผลให้ลูกสูบไม่เคลื่อนที่กลับ
- 4. กระบอกเบรค เกิดจากคราบสนิมที่เกิดจากความชื้นที่น้ำมันเบรคดูดซับไว, จอดรถทิ้งไว้นานๆแล้วลูกสูบไม่ได้มีการเคลื่อนที่เลย ส่งผลให้ลูกสูบไม่เคลื่อนที่กลับ
- 5. ยางกันฝุ่นกระบอกเบรค เกิดจากการฉีกขาด ทำให้มีความชื้นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปในกระบอกเบรค ส่งผลให้ลูกสูบไม่เคลื่อนที่กลับ
- 6. ลูกยางกระบอกเบรค เกิดจากการเสื่อมสภาพของลูกยางกระบอกเบรค จนเกิดอาการบวม ส่งผลให้ลูกสูบไม่เคลื่อนที่กลับ
- 7. สลักคาลิปเปอร์เบรค เกิดจากคราบสนิมที่เกิดจากจอดรถทิ้งไว้นานๆแล้วสลักคาลิปเปอร์เบรคไม่ได้มีการเคลื่อนที่เลย ส่งผลให้คาลิปเปอร์เบรคไม่เคลื่อนที่กลับ
- 8. สายเบรคมือ เกิดจากคราบสนิมที่เกิดจากจอดรถทิ้งไว้นานๆแล้วกลไกสายเบรคมือไม่ได้มีการเคลื่อนที่เลย ส่งผลให้กลไกสายเบรคมือไม่เคลื่อนที่กลับ
วิธีดูแลรถยนต์พื้นฐานง่าย ๆ สำหรับสาว ๆ
1.คอยเช็ครอยรั่วที่ตรงรถจอด พอเลื่อนรถออก คุณผู้หญิงทั้งหลายเคยสังเกตเห็นรอยหยด รอยรั่ว หรือคราบน้ำมันอะไรที่พื้นบ้างหรือเปล่า ถ้ามี! อยากให้ลองก้มลงส่องไฟฉายมองสักหน่อย เผื่อคราบเหล่านั้นสะท้อนให้เห็นถึงความผิดปกติที่ตัวรถกำลังเจอ
2.เช็คระบบของเหลวพื้นฐานให้อยู่ในระดับมาตรฐาน การดูแลรักษารถยนต์ด้วยการเปิดฝากระโปรงรถสำหรับสาว ๆ อาจเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์เหมือนเปิดแอปฯ Shopping Online แต่เชื่อเถอะว่ามันจะดีกับคุณมากกว่า
3.ดูแลรถยนต์ ให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่ภายนอกรถเท่านั้น ภายในก็ควรจะเรียบร้อยด้วย ไม่รู้ทำไมกว่า 80% ของรถที่สาว ๆ เป็นเจ้าของ มักจะขาดการดูแล ทั้งส่วนของภายนอกที่ปล่อยให้รถเลอะ เหมือนเพิ่งขับกลับมาจากดาวอังคาร หรือภายในที่ของใช้ทุกอย่างแทบจะอยู่ในนั้นเหมือนบ้านหลังที่สอง ช่องเก็บของทุกส่วนถูกใช้อย่างคุ้มค่ากับของใช้ที่เจ้าของรถแทบจะไม่รู้ว่ามีอยู่
4.เช็คลมยางเป็นประจำ พื้นฐานการขับขี่ที่เต็มสมรรถนะก็เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่เรียกว่าลมยางนี่แหละ แต่ผู้ใช้รถหลายคนมักละเลยในส่วนนี้จนปล่อยให้ “ลมยางอ่อน” แล้วก็ขับขี่ใช้งานรถทั้งที่แรงดันลมยางไม่อยู่ในมาตรฐานที่รถต้องการ
5.ไฟเตือนที่หน้าปัดอย่ามองข้าม เรารู้เลยว่าส่วนของหน้าปัดรถ คุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจอะไรนอกจากนาฬิกาหรือไม่ก็ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง จริงมั้ย! แต่เราอยากทำให้ในส่วนนี้น่าสนใจสำหรับคุณสาว ๆ มากขึ้นหน่อย ด้วยการคอยสังเกตว่ามีไฟสัญญาณเตือนอะไรผิดแปลกขึ้นมาหรือเปล่าขณะขับขี่ ถ้ามี ควรรีบนำรถเข้าไปตรวจเช็คทันที เพรามันคือสัญญาณของความผิดปกติในตัวรถที่ช่วยบอกให้คุณได้รู้ก่อนง่าย ๆ ก่อนที่จะสาย แล้วปัญหาจะลุกลามไปหลายส่วนจนทำให้ค่าซ่อมแพงจนอาจไปกินส่วนของค่าช้อปปิ้งของคุณสาว ๆ ไม่รู้ด้วยนะ
สรุป สายเบรค
ทั้งนี้ตัวของสายเบรกถักมีราคาไม่สูงสักเท่าไหร่ในแต่ละแบรนด์ แต่จะไปแพงในส่วนของหัวน็อตและชิ้นส่วนอื่น ๆ มากกว่า ซึ่งตามปกติแต่ละแบรนด์จะมีการขายหัวน็อตแยกอีกทีหนึ่ง คุณสามารถหาซื้อสายเบรก ถักมาโมดิฟายเองได้ ในเรื่องระบบเบรคของรถยนต์ ถือว่าเป็นส่วนที่คุณมองข้ามไม่ได้แม้แต่น้อย เนื่องจากระบบเบรคเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รถยนต์สามารถชะลอความเร็วลง ตลอดจนสามารถเบรคเพื่อหยุดได้ ซึ่งการเลือกใช้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่มียี่ห้อ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเบรคยิ่งขึ้นไป คำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ หมั่นตรวจสอบสอบระบบเบรคของรถยนต์คุณให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ