ร้านของเรา

จ.สมุทรสาคร

เปิดบริการ

วันจันทร์-เสาร์ 8:00 น. – 17:00 น.

น้ำมันเบรค

น้ำมันเบรค

น้ำมันเบรค คืออะไร ทำไมต้องเปลี่ยน!?

น้ำมันเบรค คืออะไร ทำไมต้องเปลี่ยน ปัจจุบันสำหรับผู้ใช้รถแล้ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับว่า เราต้องดูแลรถทั้งภายนอก และภายใน ซึ่งส่วนใหญ่เราจะยกให้ทางช่างยนต์หรือศูนย์บริการเป็นคนดูแลรถให้ เราทั้งนั้น แต่ทั้งนี้แม้เราจะซ่อมไม่เป็น เราก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์หรือ ส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำให้รถเราวิ่งได้ด้วยครับ เผื่อเกิดอาการเสียหรือชำรุดจะได้พอ รู้ปัญหาและให้ช่างแก้ได้ถูกจุดมากขึ้น วันนี้เราจะมาพูดถึงช่วงล่าง ระบบเบรกในส่วนที่มองเห็นได้ยากกันครับหลายคนคงเคยได้ยินหรือเห็นผ่านๆ ตากันมาบ้างเกี่ยวกับของเหลวที่ใช้กับเบรก

ทำไมต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรค

หากได้ติดตามเรื่อง ”แชมป์โลกที่ไม่มีใครต้องการ” จะพอทราบได้ว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ระยะเบรคเยอะ เบรคไม่ทัน หรือเบรคแตก ในส่วนของการดูแลระบบเบรกนอกจากเปลี่ยนยางและผ้าเบรคแล้ว การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเป็นส่วนหนึ่งที่หลายคนลืมไป อีกทั้งช่างยนต์เองยังไม่ชอบทำ เพราะเหนื่อย ลำบาก แถมเสี่ยงทำรถลูกค้าพังจากการย้ำเบรกซ้ำๆ อีก ผลนั้นจึงมาตกกับผู้บริโภคผู้ใช้รถที่อาจจะเจออุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ หากน้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ เพราะตัวน้ำมันเบรก ไม่มีไฟเตือนที่หน้าปัดเมื่อเสื่อมสภาพ ต่างกับยางและผ้าเบรกที่ยังพอรู้สึกได้

วิธีเปลี่ยนน้ำมันเบรก

ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก ปัจจุบันเราจะเห็นได้ชัดอยู่ 3 แบบ

  1. แบบที่ 1 เติมให้เต็มเฉยๆ หากเป็นศูนย์ที่มีช่างน้อยหรือศูนย์เล็กอาจจะใช้เป็นการเติมน้ำมันเบรกใหม่ เข้าไปผสมกับน้ำมันเบรกเก่าเฉยๆ โดยไม่ถ่ายน้ำมันเบรกเก่าออก ซึ่งทำให้ ประสิทธิภาพของน้ำมันเบรกใหม่ลดลงไปกว่า 60-70%
  2. แบบที่ 2 เครื่องไล่ลมเบรก วิธีนี้ค่อนข้างฮิตในปัจจุบัน และหลายศูนย์ใช้วิธีนี้เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกให้รถลูกค้า โดยการใช้ช่าง 2-3 คน ใช้ลมดันน้ำมันเบรกเก่าออกและเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเบรก ใหม่ เข้าไป พร้อมกับย้ำเบรกเพื่อไล่ลมไปด้วย เสียเวลา 30 – 40 นาที
  3. แบบที่ 3 เครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทั้งระบบ นับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ถูกคิดค้นขึ้นมาครับ ทำงานโดยการใช้น้ำมันเบรกใหม่ไล่น้ำมันเบรกเก่า เป็นระบบปิด ซึ่งปราศจากความชื้น 99.99% ไม่ต้องใช้ลม ไม่ต้องย้ำเบรก ซึ่ง ดี กับ รถลูกค้า อย่าง เรามาก ๆ และเสร็จได้ภายใน 10 นาที

น้ำมันเบรค เรื่องที่ต้องรู้

ถ้าพูดถึงระบบเบรคที่ดีนั้นย่อมให้ความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ทั้งหลาย ทั้งนี้นอกจากชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบเบรค ไม่ว่าจะเป็นจานเบรค แม่ปั๊มเบรก คาลิปเปอร์เบรค ผ้าเบรค ที่ต้องปฏิบัติงานอย่างถูกต้องแล้ว น้ำมัน เบรค ที่จะใช้ในระบบเบรคก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะให้ความมั่นใจกับผู้ขับขี่ทุกครั้งที่มีการเหยียบเบรค เริ่มทำความรู้จักกับน้ำมัน เบรค (Brake Fluid) ที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้ว่าคืออะไร ทำหน้าที่อะไร สำคัญเช่นไร แล้วทำไมต้องดูแลหรือเปลี่ยนตามระยะเวลา หรือระยะทางตามที่กำหนด น้ำมัน เบรค คือ ของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังโดยของเหลวหรือเรียกว่าเป็นตัวไฮดรอลิกก็ได้ เมื่อเราเหยียบเบรคที่แป้นเบรค แรงดันที่เหยียบจะถูกถ่ายทอดผ่านของเหลว(น้ำมันเบรก)ในระบบไปยังห้ามล้อ ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งจะทำให้ความเร็วของรถช้าลง หรือหยุดตามแรงกดที่ต้องการ

จุดเดือดของน้ำมันเบรก

จุดเดือดของน้ำมันเบรกเป็นจุดสำคัญที่บ่งบอกถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของการเบรก เพราะเมื่อมีการเบรกความร้อนจะเกิดขึ้นจากการเสียดสีของผ้าเบรกกับจานเบรกหรือดรัมเบรก และความร้อนดังกล่าวก็จะถูกถ่ายทอดโดยตรงไปยังน้ำมันเบรก ทำให้น้ำมันเบรกมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่าปกติ ทำให้ต้องใช้น้ำมันเบรกที่มีจุดเดือดสูงเป็นพิเศษ ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบเบรกและจุดเดือดของน้ำมันเบรกเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้น้ำมันเบรกเกิดการเดือดจนกลายเป็นไอ ซึ่งทำให้เกิดฟองอากาศหรือที่เรียกว่า อาการเวเปอร์ล็อก(Vapour lock) ขึ้นในระบบเบรก ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในการขับรถ

ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ
  • – ความร้อน : การเหยียบเบรกกะทันหันหรือเหยียบเบรกบ่อย ๆ เช่น การขับรถทางชัน ทำให้ต้องใช้ระบบเบรกค่อนข้างมาก ส่งผลให้น้ำมันเบรกซึมซับความร้อนเอาไว้แล้วระบายสู่ส่วนอื่นไม่ทัน จนเกิดความร้อนสูง หรือจุดเดือดสูงสุด ซึ่งอุณหภูมิอาจสูงได้ถึง 350-400 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดอาการเบรกไม่อยู่หรือเบรกแตก เพราะน้ำมันเบรกระเหยกลายเป็นไอในกระบอกสูบเบรกจนไม่มีแรงดันที่จะไปกระทำต่อลูกสูบเบรกให้ไปดันผ้าเบรกได้นั่นเอง
  • – ความชื้น : น้ำมันเบรกเป็นของเหลวชนิดหนึ่งที่สามารถดูดซับความชื้นจากอากาศได้ดี และยิ่งเมืองไทยเป็นประเทศที่มีความชื้นสูง จึงทำให้เสื่อมสภาพได้ง่าย เพราะความชื้นจะเข้าไปผสมกับน้ำมันเบรก ทำให้มีจุดเดือดต่ำลง อีกทั้งยังไปกัดกร่อนชิ้นส่วนอะไหล่ที่เป็นโลหะจนเกิดสนิมได้อีกด้วย
ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตอนไหน

เมื่อน้ำมันเบรกมีการเสื่อมสภาพได้ จึงต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก โดยควรเปลี่ยนทุก ๆ 1-2 ปี หรือทุกระยะทาง 40,000 กม. เพื่อให้น้ำมันเบรกสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ไม่ควรปล่อยเอาไว้นานเกิน 3 ปี และต้องระวังอย่านำน้ำมันเบรกคนละเกรดมาผสมกัน หากต้องการเปลี่ยนเกรดให้ถ่ายของเก่าออกให้หมดเสียก่อน นอกจากจะต้องใส่ใจเรื่องผ้าเบรกที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่แล้ว การทำประกันภัยรถที่มีความคุ้มครองได้ครบครัน ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการขับรถให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในระหว่างขับรถอยู่บนท้องถนน หากมองหาประกันภัยรถยนต์ที่ครบวงจร ที่มีบริการรถเสียตลอด 24 ชั่วโมง

น้ำมันเบรค สำคัญอย่างไร?

น้ำมันเบรกเป็นส่วนสำคัญของระบบเบรกเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลังไฮดรอลิก จากแป้นเหยียบเบรกแล้ว ยังต้องมีความหนืดที่เหมาะสม คือสามารถใช้ได้ในอุณหภูมิต่างๆ ไม่ว่าร้อนหรือเย็น มีความหนืดที่ยืดหยุ่นได้ และต้องมีจุดเดือดสูงและไม่ระเหยได้ง่าย คุณสมบัตินี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่เป็นตัวบอกว่าน้ำมันเบรกยังคงมีสภาพใช้งานได้อยู่หรือไม่ จุดเดือดสูงก็จะเสื่อมสภาพได้ยากกว่าและทนต่อแรงดันจากการที่เหยียบแรงๆ ต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี จากคุณสมบัติของน้ำมันเบรกจะเห็นได้ว่าจุดเดือดของน้ำมันเบรกเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเวลาเราเหยียบเบรกที่ความเร็วสูงหรือบรรทุกหนัก อุณหภูมิที่ผ้าเบรกและจานเบรกจะสูงมาก ความร้อนดังกล่าวจะถ่ายเทมายังน้ำมันเบรกด้วย ถ้าน้ำมันเบรกมีจุดเดือดต่ำจะสามารถระเหยและกลายเป็นไอได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลัง หรือทำหน้าที่ไฮดรอลิกในระบบเบรกได้ ทำให้เบรกไม่อยู่ เบรกจม หรือเรียกว่า เบรกแตก ได้

ประเภทของน้ำมันเบรค

หากจะแบ่งแยกประเภทของ น้ำมัน เบรค โดยความแตกต่างของแต่ละ Dot คือจุดเดือด แบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ ด้วยกันคือ

  • Dot3 – มีแบ่งแยกย่อยเป็น Dot3 ธรรมดา, Super Dot3 มีจุดเดือด ปกติ 205 องศาเซลเซียส, กรณีมีความชื้น 140 องศาเซลเซียส
  • Dot4 – มีแบ่งแยกย่อยเป็น Super Dot4 มีจุดเดือด ปกติ 230 องศาเซลเซียส, กรณีมีความชื้น 155 องศาเซลเซียส
  • Dot5 – มีแบ่งแยกย่อยเป็น Dot5.1 ซึ่งมักใช้งานสำหรับรถ super car มีจุดเดือด ปกติ 260 องศาเซลเซียส, กรณีมีความชื้น 180 องศาเซลเซียส
การดูแลรักษาเบรค

ถ้าพบว่าระดับน้ำมัน เบรค พร่องลงไปจากขีดบอก ระดับ สูงสุด (Max) เพราะการสึกหรอของ ผ้าเบรค ก็อาจต้องเติม น้ำมัน เบรค จนถึงระดับสูงสูด แต่ถ้าระดับน้ำมันเบรก ลดลงมาก เกินครึ่งจากระดับสูงสุด ต้องรีบตรวจหาสาเหตุ ซึ่งอาจจะมีจุดรั่วซึม เช่นที่ลูกยางเบรค ที่ล้อ ที่ขั้วต่อของท่อเบรคจุดต่าง ๆ แต่ถ้าต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรก นอกจากยี่ห้อ ความจุ และราคาน้ำมันเบรก แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือระดับมาตรฐานของน้ำมันเบรก ขวดใหม่ ซึ่งตัวน้ำมันเบรกจะมีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับน้ำมันเบรกที่เรียกว่า DOT ซึ่งส่วนผสมของสารเคมีที่แตกต่าง ก็จะให้ค่าจุดเดือดที่แตกต่าง ทั้งจุดเดือดแห้งและจุดเดือดเปียก

สรุป น้ำมันเบรค

ความสามารถในการผสมกันได้ น้ำมันเบรกที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและผลิตจากมาตรฐานเดียวกัน จะต้องสามารถรวมตัวกันได้ดีโดยไม่ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบเบรกเกิดการเสียหาย อันเนื่องมาจากปฏิกิริยาการผสมกันของน้ำมันเบรกเหล่านั้น จะเห็นได้ว่าน้ำมันเบรกนั้นสำคัญมากต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ดังนั้นในการเลือกใช้น้ำมันเบรกผู้ใช้งานควรคำนึงถึงคุณสมบัติเหล่านี้ของน้ำมันเบรกด้วย เพราะว่าหากเลือกใช้น้ำมันเบรกที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมจะส่งผลต่อการทำงานของเบรก และทำให้เกิดความเสียหายได้

ติดตามข่าวสาร หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

เรื่องน่ารู้อื่นๆ