ชุดเบรค ทำหน้าที่ชะลอความเร็วของรถ
ชุดเบรค หรือ เบรก (Brake) ทำหน้าที่ชะลอความเร็วของรถ หรือทำให้รถหยุด ตามความต้องการของผู้ขับขี่ รถส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ใช้การถ่ายทอดแรงเหยียบ ที่แป้นเบรค ไปถึงตัวอุปกรณ์หยุดล้อ ด้วยระบบไฮดรอลิกซ์ (Hydraulic) กล่าวคือ ในขณะที่เราเหยียบเบรคลงที่แป้นเบรค แรงเหยียบนี้ จะถูกส่งไปที่แม่ปั้มน้ำมันเบรค (Master Cylinder) เพื่อทำหน้าที่อัดแรงดันน้ำมันเบรค ออกไปตามท่อน้ำมันเบรค ผ่านวาล์วแยก ส่วนน้ำมันเบรค ไปจนถึงตัวเบรค ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณดุมล้อ และที่ตัวเบรค ก็จะมีลูกปั้มน้ำมันเบรค เมื่อได้รับแรงดันมา ลูกปั้มน้ำมันเบรคจะดันให้ผ้าเบรค ไปเสียดทานกับชุดจานเบรคที่อยู่ใกล้ กับจานดิสก์เบรค หรือ ดรัมเบรค เมื่อเกิดความฝืดขึ้น ล้อก็เริ่มหมุนช้าลง เมื่อเพิ่มน้ำหนัก เหยียบเบรคเข้าไปอีก แรงดันน้ำมันเบรคเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งมีความฝืดที่ล้อเพิ่มขึ้น รถก็จะชลอความเร็วลง จนรถหยุดในที่สุด
การทำงานของระบบเบรกรถยนต์ที่ควรรู้
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำให้รถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ชะลอความเร็วหรือหยุดการเคลื่อนไหวนั้นเป็นผลมาจากการทำงานของระบบเบรก (Braking system) หลังจากที่ผู้ขับขี่ออกแรงเหยียบที่แป้นเบรก (Brake pedal) แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ถึงการทำงานของระบบเบรกรถยนต์ ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่สำคัญ วันนี้ คอมแพ็ค เบรก จะมาเล่าให้ฟัง
ชะลอความเร็วหรือการหยุดล้อคือหน้าที่ของระบบเบรก
ระบบเบรกมีหน้าที่ในการทำให้รถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ ชะลอความเร็วหรือหยุดล้อ เพื่อให้ล้อหยุดรถ โดยการทำงานของระบบเบรกนั้น เป็นการสร้างแรงเสียดทานที่บริเวณดิสก์เบรกหรือดรัมเบรก (ตามรุ่นรถ) ดังนั้นระบบเบรกจึงเป็น ส่วนสำคัญในการชะลอความเร็ว หยุดหรือจอดรถ นั่นเอง
- ระบบเบรกรถยนต์ทำงานอย่างไร
ในรถยนต์ทั่วไปใช้ระบบเบรกแบบไฮดรอลิก (Hydraulics braking system) ซึ่งเป็นระบบเบรกที่ต้องอาศัยการทำงานจาก 3 ส่วน ได้แก่
1. ส่วนที่ใช้ในการส่งผ่านแรง
2. ส่วนที่ช่วยขยายแรงจากการเหยียบแป้นเบรก
3. ส่วนที่เกิดแรงเสียดทานเพื่อชะลอความเร็วของล้อ
ระบบช่วยผ่อนแรงการเหยีบเบรค
อุปกรณ์ช่วยผ่อนแรงในการเหยียบเบรคคือ หม้อลม เบรค (Brake Booster) ซึ่งทำงานด้วยสูญญากาศ (Vacuum) ภายในหม้อลมเบรค จะมีแผ่นไดอะเฟรมอยู่ และที่ตัวหม้อลมเบรคนี้เอง จะมีท่อต่อออกไป เชื่อมต่อ กับท่อไอดี เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ก็จะดูดเอาอากาศที่ท่อไอดีเข้าไปเผาไหม้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ หม้อลมเบรค ถูกดูดอากาศไปใช้งานด้วย ความดันอากาศในหม้อลมเบรค จึงต่ำลงเข้าใกล้ระดับสูญญากาศ เมื่อผู้ขับรถต้องการชลอความเร็ว หรือหยุดรถ ก็จะเหยียบลงบนแป้นเบรค แกนเหล็กที่ติดตั้งอยู่บนแกนแป้นเบรค ก็จะเคลื่อนที่ไปดันให้วาล์วอากาศ ของหม้อลมเบรคเปิดออก ทำให้ อากาศภายนอก ไหลเข้าสู่หม้อลมเบรค อย่างเร็ว ก็จะไปดันเอาแผ่นไดอะเฟรมที่ยึดติด กับแกนกดแม่ ปั้ม เบรค ให้เคลื่อนที่ไปดันลูกสูบในแม่ปัมพ์เบรค พร้อมๆ กับแรงเหยียบเบรคของผู้ขับรถด้วย
ประเภทของชุดเบรกในรถยนต์
ในการเบรกแต่ละครั้ง ชุดเบรกที่อยู่ล้อหน้าจะรับภาระหนักกว่าชุดเบรกที่อยู่ล้อหลัง เนื่องจากการเบรกจะทำให้น้ำหนักของรถถ่ายโอนไปล้อหน้าหรือการเกิดแรงเฉื่อยนั่นเอง โดยรถยนต์ทั่วไปในปัจจุบันที่ราคาไม่สูงมากมักมี ชุดเบรกอยู่ในระบบเบรกด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ ชุดดิสก์เบรก (ล้อหน้า) และชุดดรัมเบรก (ล้อหลัง) เนื่องจากการทำงานของดิสก์เบรกให้ประสิทธิภาพในการเบรกสูงมากกว่าดรัมเบรก แต่หากเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงจะมีชุดเบรกประเภทเดียวคือชุดดิสก์เบรกในทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบและพัฒนาของแต่ละค่ายรถด้วย
ชนิดของเบรค
- ดรัมเบรค (Drum Brake)
ในชุดเบรคแบบดรัม ประกอบด้วยตัวดรัม (Drum) เป็นโลหะวงกลมยึดติดกับดุมล้อ หมุนไปพร้อมล้อ และชุดฝักเบรค ซึ่งประกอบด้วยผ้าเบรค กลไกปรับตั้งเบรค สปริงดึงกลับ และลูกสูบปั้มเบรค ซึ่งสายน้ำมันเบรค ก็จะมาเชื่อมต่อกับตัวลูกสูบนี่แหละ ในการดันผ้าเบรคให้ไปเสียดทานกับดรัม เพื่อให้เกิดความฝืด - ดรัมเบรค
เป็นอุปกรณ์เบรคมาตรฐาน สำหรับรถยนต์ รุ่นเก่าหน่อย ต่อมาเมื่อมีการใช้ดิสก์เบรคกันมากขึ้น ก็จะเห็น ระบบดิสก์เบรคสำหรับล้อคู่หน้า และดรัมเบรคสำหรับล้อคู่หลัง และในปัจจุบัน ก็สามารถเห็นรถยนต์ที่ ติดตั้งดิสก์เบรคมาทั้ง 4 ล้อ แต่อย่างไรก็ตาม การจะใช้ระบบเบรคแบบดิสก์ หรือดรัมนั้น ขึ้นอยู่กับการ ออกแบบ ระบบของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นอยู่แล้ว เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดี
ดิสเบรก มีทั้ง 3 ชนิดดังนี้
- ดิสเบรกแบบก้ามปูยึดติดอยู่กับที่ (Fixed position disc brake)
ดิสเบรกจะมีผ้าเบรกอยู่ 2 แผ่นติดอยู่ภายในก้ามปู (คาลิปเปอร์) วางประกบกับจานเบรกเพื่อที่จะบีบจานเบรกตัวก้ามปูนั้นเป็นเพียงที่ยึดของลูกปั้มเท ่านั้น จะไม่เคลื่อนที่ขณะเบรกทำงาน ดิสเบรกแบบนี้มีช่องทางเดินน้ำมันเบรกอยู่ภายในตัวก้ามปู หรืออาจมีท่อเชื่อมต่อระหว่างลูกปั้ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละชนิด - ดิสเบรกแบบก้ามปูแกว่งได้ (Swinging caliper disc brake)
พบมากในรถยนต์ทั่วไป หลักการทำงานแตกต่างจากก้ามปูยึดอยู่กับที่ เบรกแบบนี้จะมีลูกปั้มหนึ่งตัวคอยดันผ้าเบรกแผ่นหนึ่ง ส่วนผ้าเบรกอีกแผ่นจะติดอยู่กับตัวก้ามปูเองซึ่งตัวก้ามปูนี้สามารถเคลื่อนไปมาได้ เมื่อเหยียบเบรกน้ำมันเบรกจะดันลูกปั้มออกไป
ผ้าเบรกแผ่นที่ติดอยู่กับลูกปั้มจะเข้าไปประกบกับจานเบรก ในขณะเดียวกันน้ำมันเบรกก็จะดันตัวก้ามปูทั้งตัวให้เคลื่อนที่สวนทางกับลูกปั้ม ผ้าเบรกตัวที่ติดกับก้ามปูก็จะเข้าประกบกับจานเบรกอีกด้านหนึ่งพร้อมกับผ้าเบรกแผ่นแรก - ดิสเบรกแบบเคลื่อนที่ไปมาได้ (Sliding Caliper disc brake)
หลักการแบบเดียวกับดิสเบรกแบบแผ่น แต่ใช้ลูกปั้มสองตัว ตัวแรกเป็นตัวดันผ้าเบรกโดยตรง ส่วนอีกตัวจะดันก้ามปู ซึ่งมีผ้าเบรกติดอยู่ให้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับลูกปั้มตัวแรก แผ่นผ้าเบรกทั้งสองจะเข้าประกบกับจานเบรกทั้งสองด้านพร้อมๆ กัน
ความแตกต่างระหว่าง ดีสเบรค และ ดรัมเบรค
สำหรับระบบเบรกนั้นมีหน้าที่หลักในการ ชะลอความเร็ว หรือทำให้รถหยุดตามความต้องการของผู้ขับ เบรกจะมีอยู่สองประเภท คือ ดิสก์เบรก (Disc Brake) และ ดรัมเบรก (Drum Brake) ซึ่งจะมีส่วนประกอบสำคัญหลัก คือ แป้นเหยียบเบรก, หม้อลมเบรก, แม่ปั๊มเบรก, ชุดดิสก์เบรก ดรัมเบรก และเบรกมือ ในการทำงานนั้นจะแยกออกเป็นระบบ การทำงานของระบบเบรกแบบดิสก์เบรก (Disc Brake) การทำงานของระบบนี้จะเริ่มกระบวนการทำงานเมื่อได้รับแรงดันจากแม่ปั๊มเบรก (Master Cylinder) ส่งไปตามท่อทางเดิน เมื่อใดที่มีการเหยียบเบรก แรงดันที่ส่งจากแม่ปั๊มเบรกตามที่กล่าวไปตอนต้น ซึ่งจะส่งแรงดันไปดันน้ำมันเบรกไหลไปสู่ลูกสูบในคาลิเปอร์ (Caliper) และไปดันผ้าเบรก (Brake Pad) ให้เลื่อนเข้าไปจับกับจานเบรก (Disc Rotor) อีกที ส่งผลให้ล้อหมุนช้าหรือหยุดนั่นเอง
6 แบรนด์เบรคของรถยนต์ ที่คนไทยนิยมเลือกใช้กันมากที่สุด
ระบบเบรกจากสำนักไหนบ้างล่ะที่คนให้การยอมรับและนิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งจะมีของค่ายไหนกันบ้าง คอคนรักรถทั้งหลายต้องห้ามพลาดเลย
อันดับ 1 Brembo ถ้าพูดถึงชื่อนี้ก็คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะถือว่าเป็นแบรนด์เบรคที่เราเกิดมาก็ได้ยินชื่อนี้แล้ว เป็นผู้ผลิตเบรคอันดับหนึ่งของโลกที่ผลิตเบรคให้กับยานพหนะทุกชนิด
อันดับ 2 Endless สำหรับอันดับ 2 ระบบเบรคที่ นักแข่งและผู้คนต่างเลือกใช้ และนิยมไม่แพ้ Brembo เลย ก็จะเป็นเบรคจากสำนักแต่งสัญชาติญี่ปุ่น อย่างค่าย Endless ที่จะโดดเด่นมากับจานดิสก์ และ คาลิปเปอร์เบรกสีน้ำเงินเข้มอันสวยงาม ที่ใส่กับล้อสีอะไรก็สวย
อันดับ 3 ATS แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ถ้าไม่พูดถึงเบรคของที่นี่ก็คงเชยแย่ เพราะถือว่าเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่มาแรงมาก ๆ ในเวลานี้เลย โดยแบรนด์ ATS นี้จะเป็นเบรคสัญชาติเยอรมัน ที่ผลิตขึ้นจากโรงงานระดับแนวหน้าของประเทศที่มีส่วนร่วมผลิตชิ้นส่วนให้แบรนด์เบรคชั้นนำหลาย ๆ แบรนด์
อันดับ 4 Wilwood คือแบรนด์เบรคสัญชาติอเมริกา ที่ใครเป็นสายเมกานั้นต่างก็จะไม่พลาดที่จะเลือกเบรคยี่ห้อนี้มาใช้กันเสมอ ซึ่งถ้าใครที่เป็นคนชอบแต่งรถก็จะทราบกันดีว่า แต่ละคนก็จะมีแนวทางที่ชื่นชอบแตกต่างกันออกไป
อันดับ 5 Spoon ถ้าพูดถึงชื่อนี้สาย Honda คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก หรือ ถ้าคุณขับ Honda แล้วยังไมรู้จักสำนัก Spoon Sport ล่ะก็ รีบทำความรู้จักด่วนเลย เพราะในนาทีนี้สำนักแต่งที่ผลิตของแต่งมาเพื่อรถยนต์ของ Honda โดยเฉพาะตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นที่เติบโตมาควบคู่กับแบรนด์ Honda เลย
อันดับ 6 Greddy สำนักแต่งชื่อดังในตำนานสัญชาติญี่ปุ่นที่มีอุปกรณ์ตกแต่งรถมาจำหน่ายอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ที่รองรับและเสริมพละกำลังความแรงให้กับตัวรถด้วยกับทั้งสิ้น และ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เสริมความปลอดภัยมากที่สุดอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ เบรค
สรุป ชุดเบรค
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรครถยนต์ตามวงรอบ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรครถยนต์นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะน้ำมันเบรคทำหน้าที่ทั้งส่งคำสั่งแรงออกไปยังชุดอุปกรณ์เบรคทั้งระบบ รวมไปถึงการช่วยระบายความร้อนให้ห้องเครื่องยนต์อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วระยะสำหรับการใช้น้ำมันเบรคนั้นอยู่ที่ปีละหนึ่งครั้งแม้ว่าคุณจะใช้งานรถมากหรือน้อยก็ตาม เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้อยู่ในระดับสูงที่สุด นั่นเป็นเพราะน้ำมันเบรคมีส่วนผสมของน้ำมันแร่ที่มีการระเหยไอน้ำออกมา ไม่ว่าอย่างไรย่อมเกิดการควบแน่นที่อาจนำปัญหาเรื่องสนิมและคราบเกาะแน่นต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นได้ จึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรครถยนต์ทุกปี